บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง : ผลการให้สุขศึกษาร่วมกับระบบเตือนแก่ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ที่ศูนย์สุขภาพชุมชนหนองแก จังหวัดอุบลราชธานี
โดย : ปาริชาติ ประทุมเทศ
ชื่อปริญญา : เภสัชศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชา : เภสัชกรรมคลินิกและการบริหาร
อาจารย์ที่ปรึกษา : สัมมนา มูลสาร
คำสำคัญ : การให้สุขศึกษา ระบบเตือน ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ศูนย์สุขภาพชุมชน
   
การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง เพื่อศึกษาผลของการให้สุขศึกษาร่วมกับระบบเตือนโดยใช้ทฤษฎีแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพในการปรับเปลี่ยนการรับรู้ตามแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ การปฏิบัติตัว และการควบคุมความดันโลหิตของผู้ป่วย กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุที่ได้รับการรักษาด้วยยาลดความดันโลหิต ระหว่างเดือนธันวาคม 2550 – เดือนเมษายน 2551 คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างตามเกณฑ์ที่กำหนด แบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยกลุ่มทดลองเป็นผู้ป่วยที่มารับบริการที่ศูนย์สุขภาพชุมชนหนองแกซึ่งจะได้รับการให้สุขศึกษาร่วมกับระบบเตือนที่ผู้วิจัยจัดขึ้นจำนวน 3 ครั้ง ส่วนกลุ่มควบคุมเป็นผู้ป่วยที่มารับบริการที่ศูนย์สุขภาพชุมชนเหล่าเสือโก้กซึ่งจะได้รับการให้บริการตามปกติจากเจ้าหน้าที่ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ และแบบประเมินความพึงพอใจของผู้ป่วยกลุ่มทดลองที่มีการให้สุขศึกษาร่วมกับระบบเตือน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ Chi-square test, T-test, Paired T-test, multiple linear regression และ logistic regression หลังจากควบคุมตัวแปรร่วม ซึ่งได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ อาชีพ รายได้ ระดับการศึกษา ผู้ดูแลสุขภาพ สิทธิในการรักษา ระยะเวลาในการป่วย โรคประจำตัวอื่น จำนวนยาลดความดันที่ได้รับ คะแนนการรับรู้ก่อนทดลอง คะแนนการปฏิบัติตัวก่อนทดลอง และค่าเฉลี่ยความดันโลหิตก่อนทดลอง ผลการศึกษาพบว่า การให้สุขศึกษาร่วมกับระบบเตือนมีผลทำให้ผู้ป่วยกลุ่มทดลองมีคะแนนการรับรู้ด้านความรุนแรงของโรคความดันโลหิตสูงและภาวะแทรกซ้อน (B = -1.180, p = 0.001) คะแนนการรับรู้ด้านความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูง (B = 0.795, p = 0.006) คะแนนการรับรู้ด้านประโยชน์ของการปฏิบัติตัวเพื่อควบคุมความดันโลหิต (B = 1.513, p < 0.001) และคะแนนการรับรู้โดยรวมทั้ง 4 ด้าน (B = 2.011, p = 0.042) มากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่มีผลทำให้กลุ่มทดลองมีการเปลี่ยนแปลงคะแนนการรับรู้ด้านอุปสรรคในการปฏิบัติตัวเพื่อควบคุมความดันโลหิตดีกว่ากลุ่มควบคุม และพบว่ากลุ่มทดลองมีคะแนนการปฏิบัติตัวในด้านการออกกำลังกาย และการผ่อนคลายความเครียดมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (B = -0.615, p < 0.001 และ B= -0.319, p = 0.046, ตามลำดับ) แต่ไม่มีผลทำให้กลุ่มทดลองมีคะแนนการปฏิบัติตัวในด้านการรับประทานอาหาร การรับประทานยา และโดยรวมทั้ง 4 ด้านดีกว่ากลุ่มควบคุม นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มทดลองมีสัดส่วนของผู้ป่วยที่จะสามารถควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้มากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (OR = 1.868, p = 0.022) แต่ค่าเฉลี่ยความดันโลหิตของผู้ป่วยกลุ่มทดลองไม่ได้ลดลงแตกต่างจากกลุ่มควบคุม และส่วนผลการประเมินความพึงพอใจต่อกิจกรรมการให้สุขศึกษาร่วมกับระบบเตือนที่ผู้วิจัยจัดขึ้นสำหรับผู้ป่วยกลุ่มทดลองพบว่าผู้ป่วยมีความพึงพอใจในด้านการส่งจดหมายเตือนมากที่สุด รองลงมาคือ การเปิดเทปบันทึกเสียง การแนะนำวิธีผ่อนคลายความเครียด การสาธิตท่าออกกำลังกาย การแนะนำอาหารสำหรับผู้ป่วยโดยใช้รูปภาพและตัวอย่างอาหาร การแนะนำการใช้ยาโดยใช้แผ่นพลิก และการฉายวีดีทัศน์โรคความดันโลหิตสูง ตามลำดับ จากผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการให้สุขศึกษาร่วมกับระบบเตือนที่จัดขึ้นสำหรับผู้ป่วยกลุ่มทดลองมีผลทำให้ผู้ป่วยมีการปรับเปลี่ยนการรับรู้และการปฏิบัติตัวที่ดีขึ้นในบางด้าน และยังสามารถช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ ดังนั้นจึงควรมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวสำหรับผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง และอาจนำไปใช้ในการปรับเปลี่ยนการรับรู้และการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในศูนย์สุขภาพชุมชนอื่นได้
   
ปิดหน้าต่างนี้