|
บทคัดย่อ |
ชื่อเรื่อง |
: ความต้องการของผู้ป่วยเบาหวานต่อการเยี่ยมบ้านของสหวิชาชีพ
กรณีศึกษาหน่วยบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลนายแพทย์หาญ จังหวัดยโสธร
|
โดย |
: อุษณีพร วิรุฬห์วาณิช |
ชื่อปริญญา |
: เภสัชศาสตรมหาบัณฑิต |
สาขาวิชา |
: เภสัชกรรมคลินิกและการบริหาร |
อาจารย์ที่ปรึกษา |
: แสวง วัชระธนกิจ |
คำสำคัญ |
: วิธีวิทยาคิว การเยี่ยมบ้าน ความต้องการของผู้ป่วยเบาหวาน |
|
|
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยแนวทางการรักษาในปัจจุบันคือ การใช้ยาร่วมกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ป่วยเบาหวาน เช่น การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีแนวทางการรักษาแบบอื่นๆ เช่น การเยี่ยมบ้านของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ยังพบว่าผู้ป่วยบางส่วนยังไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความต้องการของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ต่อการเยี่ยมบ้านของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จำนวน 23 คน ที่มารับบริการตรวจรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอก หน่วยบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลนายแพทย์หาญ จังหวัดยโสธร โดยใช้วิธีวิทยาคิว (Q methodology) เป็นวิธีการวิจัย
ผลการศึกษา พบว่า ความต้องการของผู้ป่วยเบาหวานต่อการเยี่ยมบ้านของเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขสามารถจัดกลุ่มความคิดเห็นออกได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1. ความต้องการในด้านความรู้เกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติตนเบื้องต้น ขณะเกิดอาการข้างเคียงแบบเฉียบพลัน ได้แก่ อาการมือสั่น เหงื่อออก หน้ามืด และคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลบาดแผลด้วยตนเอง
2. ความต้องการในด้านข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ เกี่ยวกับการดูแลรักษาเบาหวาน และกิจกรรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับโรคเบาหวาน ระหว่างคนในชุมชน
3. ความต้องการในด้านคำแนะนำเรื่องอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ รวมถึงการรับประทานอาหารในกรณีที่ไปงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ
การศึกษาครั้งนี้แสดงถึงความต้องการของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดต่อการเยี่ยมบ้านของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยเบาหวานให้ได้ตรงกับลักษณะความต้องการของผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมในแต่ละกลุ่มมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามถ้ามีการศึกษาวิจัยในอนาคตเกี่ยวกับการนำแนวทางจากการวิจัยในครั้งนี้ไปปฏิบัติจริงกับผู้ป่วยเบาหวานก็อาจทำให้ได้แนวทางปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น |
|
|
ปิดหน้าต่างนี้ |