บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง : การวิเคราะห์เปรียบเทียบต้นทุน-ผลได้ ในการดำเนินงานป้องกันอาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาในหอผู้ป่วยในโดยเภสัชกร โรงพยาบาลขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
โดย : หนึ่งหทัย ขยันการนาวี
ชื่อปริญญา : เภสัชศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชา : เภสัชกรรมคลินิกและการบริหาร
อาจารย์ที่ปรึกษา : ใจนุช กาญจนภู
คำสำคัญ : การวิเคราะห์เปรียบเทียบต้นทุน-ผลได้ อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาชนิดที่สามารถป้องกันได้ เกณฑ์ประเมินของ Schumock and Thornton Criteria (1992) เกณฑ์ประเมินของ French Standardize Preventability Scale การให้คำแนะนำ
   
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการวิเคราะห์ต้นทุนผลได้ของการดำเนินงานป้องกันอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาในหอผู้ป่วยในโดยเภสัชกร โรงพยาบาลขุนหาญ จังหวัด ศรีสะเกษ โดยการศึกษาแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ การศึกษาอุบัติการณ์การเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา การประเมินต้นทุนผลได้ของการดำเนินงาน และการประเมินความสอดคล้องของเกณฑ์ในการประเมินอาการไม่พึงประสงค์ชนิดที่สามารถป้องกันได้ โดยใช้เกณฑ์ของ Schumock and Thornton Criteria (1992) และเกณฑ์ของ French Standardize Preventability Scale ซึ่งการศึกษานี้เป็นการศึกษาแบบไปข้างหน้าในระยะเวลา ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2550 ถึง 31 ธันวาคม 2550 ผลการศึกษาพบว่าจากประชากรที่ศึกษาทั้งสิ้น 2,397 คน มีอุบัติการณ์ในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาร้อยละ 4.71 และพบว่ามีอุบัติการณ์ของผู้ป่วยร้อยละ 0.58 ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากอาการ ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา เมื่อพิจารณาในแง่ของความสามารถในการป้องกันอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาโดยเภสัชกรนั้น ในการศึกษานี้พบว่าเภสัชกรสามารถตรวจสอบพบคำสั่งใช้ยาที่มีโอกาสเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาได้ 92 ครั้ง เป็นอาการไม่พึงประสงค์ชนิดป้องกันได้ทั้งหมด จากนั้นเภสัชกรทำการให้คำแนะนำแก่บุคลากรทางการแพทย์จำนวน 92 ครั้ง ได้รับการยอมรับ 75 ครั้ง คิดเป็นอัตราร้อยละ 81.52 และไม่ได้รับการยอมรับ 17 ครั้ง คิดเป็นอัตราร้อยละ 18.48 ผลจากการให้คำแนะนำพบว่าเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาขึ้นจริง 78 ครั้ง และเภสัชกรสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาขึ้นได้ 11 ครั้ง คิดเป็นอัตราร้อยละ 11.96 นอกจากนี้คำแนะนำของเภสัชกรสามารถลดความรุนแรงของอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาที่เกิดขึ้นได้ โดยสามารถช่วยจำนวนการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่คาดว่าจะเกิดในระดับ “รุนแรง” จาก 17 ครั้ง ลดลงเหลือ 0 ครั้ง และลดจำนวนความรุนแรงในระดับ “ปานกลาง” ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 53 ครั้ง ลดลงเหลือ 14 ครั้งและพบว่าอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาส่วนใหญ่อยู่ในระดับรุนแรง “น้อย” ในรอบการศึกษา 4 เดือนมีต้นทุนอยู่ที่ 6,050.06 บาท หรือคิดเป็น 12,151.80 ต่อปี และมีผลได้อยู่ที่ 70,591.96 บาท ดังนั้นอัตราส่วนต้นทุน-ผลได้มีค่าเท่ากับ 11.67 เท่า นั่นคือ การดำเนินงานนี้มีผลได้มากกว่าต้นทุน 11.67 เท่า ส่วนการประเมินความสอดคล้องระหว่างเกณฑ์ของ Schumock and Thornton Criteria (1992) และเกณฑ์ของ French Standardize Preventability Scale โดยใช้สถิติ kappa นั้นพบว่า ทั้ง 2 เกณฑ์มีความสอดคล้องกันในระดับปานกลางที่ kappa = 0.559 (p<0.05) จากการศึกษานี้พบว่าการดำเนินงานเพื่อป้องกันอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาของเภสัชกรมีประโยชน์ทั้งในเชิงคุณภาพและในเชิงเศรษฐศาสตร์ อย่างไรก็ตามอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่อยู่ในกลุ่มของอาการอันไม่พึงประสงค์ชนิดที่สามารถป้องกันได้ อาจสามารถนำมาจัดการในเชิงระบบได้ เช่น การจัดทำมาตรฐานเวลาในการให้ยาที่เสี่ยงต่อภาวะระคายเคืองกระเพาะอาหาร ภาวะคลื่นไส้ อาเจียน พัฒนากระบวนการให้คำแนะนำและเฝ้าระวังคนไข้กลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดอาการไม่พึงประสงค์อยู่แล้ว เช่น คนไข้ที่ต้องฉีดอินซูลินด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังควรมีการทำความเข้าใจและฟื้นฟูความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่มีการหมุนเวียนมาปฏิบัติงานด้วยเพื่อก่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักรู้ถึงปัญหานี้เพื่อป้องกันการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาขึ้น
   
ปิดหน้าต่างนี้