| การประยุกต์ใช้สารจากธรรมชาติร่วมกับการผลิตด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันยุงเป็นอีกทางเลือกที่คาดว่าจะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในอนาคตได้ ซึ่งน้ำมันตะไคร้หอมเป็นสารไล่แมลงที่มีความปลอดภัยสูงเมื่อเปรียบเทียบกับสาร DEET แต่มีข้อจำกัดคือ ป้องกันยุงได้เพียง 2 ชั่วโมงและองค์ประกอบของน้ำมันที่ไม่คงตัว การกักเก็บน้ำมันดังกล่าวในไมโครแคปซูลด้วยวิธีการพ่นฝอยคาดว่าจะเพิ่มเวลาในการไล่ยุงได้นานขึ้นและเพิ่มความคงตัวของน้ำมันหอมระเหยได้ วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาสภาวะที่เหมาะสมด้วยวิธีทางสถิติสำหรับพ่นฝอยไมโครแคปซูลน้ำมันตะไคร้หอมและตรวจสอบลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้เพื่อพัฒนาเป็นแผ่นแปะไล่ยุง วัสดุและวิธีการทดลอง: พ่นฝอยน้ำมันตะไคร้หอมและกัมอะราบิกที่เตรียมเป็นอิมัลชันให้เป็นไมโครแคปซูลแห้งด้วยวิธี 23-factorial, 6-axial, 6-center central composite design แล้วคัดเลือกสภาวะที่เหมาะสมในการผลิตและตรวจสอบคุณสมบัติของไมโครแคปซูลด้วยวิธี Attenuated total reflection-Fourier transform infrared spectroscopy (ATR-FTIR), light microscopy, scanning electron microscopy, thermal gravimetric analysis (TGA), gas chromatograph-mass spectrometry (GC-MS), physicochemical stability และทำนายการเข้าจับของสารต่อโปรตีนรับกลิ่น 3K1E ของยุงลายด้วยเทคนิคโมเลคิวลาร์ด็อกกิ้ง ผลการทดลอง: สภาวะที่เหมาะสมในการผลิต คือ กัมอะราบิก 14 %w/w น้ำมันตะไคร้หอม 26 %w/w ของสารห่อหุ้ม อุณหภูมิอากาศขาเข้า 150 น้ำมันหอมระเหยไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเคมีของกัมอะราบิก ชนิดของสารที่ตรวจพบด้วยเทคนิค GC-MS ไม่แตกต่างจากน้ำมันหอมระเหยก่อนเตรียมตำรับ ไมโครแคปซูลสามารถควบคุมการปลดปล่อยกลิ่นได้เมื่อทดสอบด้วยเทคนิค TGA และระดับกลิ่นไม่เปลี่ยนแปลงในเวลา 90 วัน ที่ 25C สารระเหยที่จับได้ดีในโพรงเข้าจับของโปรตีนรับกลิ่น 3K1E คือ citronellal และ geraniol ซึ่งเกิดอันตรกิริยากันด้วยพันธะไฮโดรเจนและแรง van der Waals ไมโครแคปซูลสามารถแทรกตัวอยู่ในเส้นใยของแผ่นแปะไล่ยุงได้ สรุป: เทคนิคการพ่นฝอยเป็นทางเลือกหนึ่งในการผลิตไมโครแคปซูลน้ำมันตระไคร้หอมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถควบคุมการปลดปล่อยสารให้ออกฤทธิ์นานได้ |